วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรีเคยเป็นชุมชนโบราณที่เคยมีมนุษย์ยุคหินใหม่อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เพราะว่าเคยมีการขุดค้นด้านโบราณคดีแล้วพบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำพานทองซึ่งอยู่ในบริเวณวัดโคกพนมดี ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม พบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์โคกพนมดี ทำให้สันนิษฐานได้ว่าในอดีตพื้นที่บริเวณจังหวัดชลบุรีเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณที่มีความรุ่งเรืองถึง 3 เมือง ได้แก่ เมืองพระรถ, เมืองศรีพโล และเมืองพญาแร่ โดยอาณาเขตของ 3 เมืองนี้รวมกันเป็นจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน
ซึ่งแหล่งโบราณคดีที่ค้นพบในครั้งนั้นได้พบสิ่งมีคุณค่าทางโบราณคดีหลายอย่าง เช่น ขวานหินขัด, เครื่องประดับจำพวกกำไล, ลูกปัด เครื่องปั้นดินเผาแบบใช้เชือกทาบ และได้พบซากของอาหารทะเลอีกด้วย จึงทำให้ทราบว่าบริเวณนี้อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลมากกว่าปัจจุบันนี้มาก แหล่งโบราณคดีที่กล่าวอ้างทั้งหมดข้างต้นนั้นจึงเป็นหลักฐานยืนยันส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมาอันแสนยาวนานของจังหวัดชลบุรี
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเมืองชลบุรีปรากฏเป็นหลักฐานในทำเนียบศักดินาหัวเมือง ตราเมื่อ พ.ศ. 1919 มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้รักษาเมืองคือ “ออกเมืองชลบุรีศรีมหาสมุทร” ศักดินา 2,400 ไร่ ส่งส่วยไม้แดง จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เสด็จยกทัพผ่านมาทางบริเวณจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน ก่อนที่จะเข้าตีเมืองจันทบุรี และยกทัพกลับไปกู้กรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังไม่มีการจัดตั้งจังหวัดชลบุรีขึ้นเป็นทางการ บริเวณจังหวัดชลบุรี ประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ 3 เมือง คือ เมืองบางปลาสร้อย, เมืองพนัสนิคม และเมืองบางละมุง
ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองราชอาณาจักร โดยการจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล ให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทยหน่วยงานเดียว เมืองในจังหวัดชลบุรีจึงเข้าอยู่ในมณฑลปราจีนบุรี ดังมีบันทึกว่า
“รวมหัวเมืองทางลำน้ำบางปะกง คือ เมืองปราจีนบุรี 1, เมืองนครนายก 1, เมืองพนมสารคาม 1 และเมืองฉะเชิงเทรา 1 รวม 4 หัวเมือง เป็นเมืองมณฑล 1 เรียกว่า มณฑลปราจีน ตั้งที่ว่าการมณฑล ณ เมืองปราจีน ต่อเมื่อโอนหัวเมืองในกรมท่ามาขึ้นกระทรวงมหาดไทย จึงย้ายที่ทำการมณฑลลงมาตั้งที่เมืองฉะเชิงเทรา เพราะขยายอาณาเขตมณฑลต่อลงไปทางชายทะเล รวมเมืองพนัสนิคม, เมืองชลบุรี และเมืองบางละมุง เพิ่มให้อีก 3 รวมเป็น 7 เมืองด้วยกัน แต่คงเรียกชื่อว่ามณฑลปราจีนอยู่ตามเดิม ”
ต่อมาในสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงรูปการปกครองประเทศครั้งใหญ่ จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกเขตการปกครองแบบ “เมือง” ทั่วราชอาณาจักร แล้วตั้งขึ้นเป็น “จังหวัด” แทน เมืองบางปลาสร้อย, เมืองพนัสนิคม และเมืองบางละมุง จึงรวมกันกลายเป็นจังหวัดชลบุรี โดยใช้บริเวณเมืองบางปลาสร้อยเดิมจัดตั้งเป็นอำเภอบางปลาสร้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอำเภอเมืองชลบุรี ในปี พ.ศ. 2481
เมืองพนัสนิคมยุบเป็นอำเภอพนัสนิคมก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอบ้านบึง, อำเภอหนองใหญ่, อำเภอพานทอง, อำเภอบ่อทอง และอำเภอเกาะจันทร์ เมืองบางละมุงยุบเป็นอำเภอบางละมุง ก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอศรีราชา, อำเภอสัตหีบ และเปลี่ยนข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างในปัจจุบัน

วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อถวายสมเด็จพระญาณสังวรฯ  สมเด็จพระสังฆราช  และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภก  บริเวณทางเข้าวัดมีศาลานานาชาติ  ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติของประเทศต่างๆ  ตั้งอยู่เรียงรายริมสระน้ำ  ภายในบริเวณวัดมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง  พระเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสุมพุทธเจ้า  และพระธาตุของพระอรหันต์สาวก  วิหารพระญาณเรศร์  วิหารพระศรีอริยเมตไตรย  พระพุทธไพรีพินาศ  ฯลฯ  และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง  จึงสามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพของเขตวัดจรดเมืองพัทยาได้กว้างไกลสุดสายตา 

ฐานทัพเรือสัตหีบ

ฐานทัพเรือสัตหีบ  เป็นบ้านของราชนาวีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย  ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อ พ.ศ. 2457  ครั้งประพาสเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก  ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชายฝั่งบริเวณนี้มีชัยภูมิดีเยี่ยม  สามารถสร้างฐานจอดเรือรบได้   จวบจนปัจจุบันฐานทัพเรือสัตหีบได้พัฒนา  และเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว  เช่น


หาดดงตาล
  เป็นชายหาดโค้งยาวไปตามขอบอ่าวสัตหีบ  โดยเริ่มตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือยุทธการ  ริมชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นตาลขนาดใหญ่  ประชาชนทั่วไปนิยมมานั่งพักผ่อน  ชมอาทิตย์อันดง  และรับประทานอาหาร  นอกจากนี้เวิ้งทะเลด้านหน้าหาดยังเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบและวินด์เซิร์ฟ  โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สมุทรกีฬา  โทร. 0-3843-2593

ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  เป็นท่าเรือน้ำลึกซึ่งกองทัพเรือใช้เป็นที่จอดเรือรบสำคัญๆ หลายลำ  ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร  เรือหลวงสิมิลัน  และเรือหลวงพระพุทธยอดฟ้า  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด    คือ  บริเวณท่าเรือ     รวมถึงดาดฟ้าของเรือหลวงจักรีนฤเบศร   แต่อย่างไรก็ตาม  บางช่วงเวลาเรือเหล่านี้จะออกปฏิบัติหน้าที่  จึงควรสอบถามไปล่วงหน้าก่อน

หาดนางรำ-หาดนางรอง  อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  โดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 3 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3126 ไปประมาณ 5 กิโลเมตร  ถ้าตรงเข้าไปจนสุดก็จะถึงท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะถึงหาดนางรำ-หาดนางรอง  โดยหาดนางรำมีความยาวประมาณ 500 เมตร  เนื้อทรายขาวละเอียดเนียน  ริมหาดมีป่าสนร่มรื่น  พร้อมร้านอาหารและบ้านพัก  หน้าหาดไม่ลึกจึงเหมาะลงเล่นน้ำหรือเล่นเรือใบ  ส่วนหาดนางรองอยู่ติดกัน  เป็นแนวหาดสั้นๆที่เงียบสงบกว่า  ริมหาดมีโขดหิน  ทรายขาว  และน้ำใสดี

เขาแหลมปู่เจ้า  ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของโค้งอ่าวเตยงาม  สามารถขับรถขึ้นไปได้  เพื่อสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503  ใกล้ๆกันมีกระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ลักษณะเป็นประภาคารรูปครีบกระโดงปลา  สูง 19.50 เมตร  ใช้ส่องสว่างให้เป็นจุดสังเกตแก่คนเรือในยามค่ำคืน  โดยทหารเรือต่างขนานนามให้ว่า “ดวงประทีปแห่งท้องทะเลไทย”  นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวเขาแหลมปู่เจ้า  ที่สามารถมองเห็นอ่าวสัตหีบ  อ่าวเตยงาม  เกาะพระ  เกาะเตาหม้อ  รวมถึงอ่าวไทยได้อย่างงดงาม

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล  ตั้งอยู่ริมหาดจุกเสม็ด  ในเขตหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงและอนุบาลลูกเต่าทะเลที่ได้จากเกาะคราม  โดยนำมาอนุบาลไว้ 3-6 เดือน  แล้วจึงปล่อยคืนสู่ทะเล  ศูนย์ฯนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน  คือ  อาคารนิทรรศการ  อะควาเรียม  และบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ทุกวัน  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

อ่าวเตยงาม  (อ่าวนาวิกโยธิน)  เดิมชื่ออ่าวตากัน  หรืออ่าวทุ่งไก่เตี้ย  เป็นหาดทรายขาวละเอียดเนื้อเนียนตัดกับท้องทะเลสีคราม  ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร  ในอดีตริมหาดเต็มไปด้วยต้นเตยทะเล  ซึ่งยังพอพบเห็นได้ในปัจจุบัน  อ่าวเตยงามนี้ไม่ลาดเอียงมาก  น้ำไม่ลึก จึงเหมาะจะลงเล่นน้ำ  ชาวจีนเชื่อว่าอ่าวเตยงามคือ “สะดือมังกร” เพราะน้ำในอ่าวจะไหลเวียนจากแหลมปู่เจ้าเข้าสู่อ่าว  นับเป็นจุดก่อเกิดพลังธรรมชาติ  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถาน  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบข้าวอ่าวไทยจากอำเภอหัวหิน  มาถึงอ่าวเตยงาม  เมื่อวันที่ 19 เมษายน  พ.ศ. 2509  เป็นระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล  เพียงลำพังพระองค์เดียว

พิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน  ตั้งอยู่ที่อ่าวเตยงาม  เป็นอาคารชั้นเดียวใช้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.  และ 13.00-16.00 น.  โดยไม่เสียค่าเข้าชม  ภายในอาคารแบ่งเป็น 6 ห้องจัดแสดง  และมีส่วนกลางแจ้งด้วย

หาดทรายแก้ว  ตั้งอยู่ภายในเขตโรงเรียนชุมพลทหารเรือ  เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดช่วงหนึ่งของสัตหีบ  เพรามีเนื้อทรายขวาวสะอาดเนื้อเนียนทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร  อีกทั้งน้ำทะเลมีสีครามสดใส  ริมหาดมีบ้านพัก  ร้านอาหาร  นวดแผนไทย  และกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย

ที่ตั้ง : เขตอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : จากอำเภอเมืองชลบุรี  ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ประมาณ 86 กิโลเมตร  จนถึงตัวอำเภอสัตหีบ  จากนั้นวิ่งเข้าถนนเส้นเลียบหาด  จนเข้าสู่เขตทหารเรือ 
เวลาทำการ : ถ้าเป็นอาคารจัดแสดงหรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ส่วนใหญ่เปิดเวลา 08.00-16.30 น.  แต่ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวพวกหาดทรายชายทะเล  ก็มักเปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา  แต่ต้องแลกบัตรผ่านที่ป้อมยามก่อน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ  แผนกกิจการพลเรือน  กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ  โทร. 0-3843-7112 ต่อ 71060, 71061  หรือติดต่อที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ  กรุงเทพฯ  โทร. 0-2375-47200-2475-4481  เว็บไซต์  www.navy.mi.th

เขาชีจรรย์

เขาชีจรรย์  เป็นเขาหินปูน เดิมมีการระเบิดหินนำไปใช้ในการก่อสร้าง  ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวร  ทรงเสียดายลักษณะภูมิทัศน์อันสง่างามของเขาลูกนี้  จึงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์ไว้  และได้ดำเนินการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะของพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี  ใน พ.ศ.  2539  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า  “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา”  แปลว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุงดังมหาวชิระ”

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร  ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา  มีความสูง 109 เมตร  หน้าตักกว้าง 70 เมตร  ฐานบัวหรือบัลลังก์สูง 21 เมตร  รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร  โดยเป็นการระเบิดเจาะเนื้อหินให้เป็นลายเส้น  แล้วใช้โมเสกทองประดับเข้าไปตามรอยเส้น  เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาต้องหน้าผา  จึงเกิดประกายสีทองราวกับองค์พระกำลังเปล่งประกาย  ด้านหน้าองค์พระมีลานอเนกประสงค์  สวนร่มรื่น  สระบัว  และสวนหิน  ในเนื้อที่ 15 ไร่
ที่ตั้ง : บ้านเขาชีจรรย์   อำเภอสัตหีบ  ห่างจากวัดญาณสังวราราม  ไปประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากวัดญาณสังวราราม  ไปตามทางเดียวกับวิหารเซียน  ผ่านวิหารเซียนไปตามเส้นทางหลัก  และมีป้ายบอกทางไปอีก 3 กิโลเมตร  หรือจากถนนสุขุมวิท  เข้าทางแยกที่เลยแยกวัดญาณสังวรารามไปราว 500 เมตร  เส้นทางจะตรงถึงเขาชีจรรย์  ระยะทางจากถนนสุขุมวิท  6 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 06.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

กาะล้าน

เกาะล้าน  เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีแล้ว  เนื่องจากอยู่ใกล้กับพัทยา   จึงเดินทางถึงกันได้โดยสะดวก  ตัวเกาะล้านมีความยาว 5 กิโลเมตร  กว้าง 2 กิโลเมตร  มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง  ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ  ดูปะการัง  เล่นกีฬาทางน้ำ  เช่น  เรือลากร่ม (พาราเซลลิ่ง)  เรือสกี  สกู๊ดเตอร์  โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน  หาดทองหลาง  หาดนวล  และหาดเทียน  ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น  บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็กๆโดยรอบ  อย่างเกาะครก-เกาะสาก  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง  ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก  รวมทั้งยังเป็นสถานที่ฝึกเรียนดำน้ำ  และแหล่งตกปลาที่สำคัญ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะล้าน  ได้แก่

ท่าหน้าบ้าน  เป็นท่าเรือของชุมชนเกาะล้าน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือเมล์จะไปถึง  เมื่อมองย้อนกลับไปยังฝั่งจะเห็นเมืองพัทยาและหาดจอมเทียนที่มีตึกสูงเรียงรายตลอดแนวชายฝั่ง  นับเป็นจุดชมเมืองพัทยาที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

หาดแสม
  เป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาวประมาณ 800 เมตร  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ดี  ในอดีตเคยมีการพบแร่ทองคำและเป็นที่มาของชื่อแหลมทอง  ทางหัวหาดด้านเหนือมีศาลเจ้าแม่แหลมทองที่ชาวเกาะล้านเคารพสักการะ

หาดเทียน
  อยู่ด้านเหนือของแหลมทอง  ชายหาดหันหน้าตรงหัวเกาะไผ่  ตัวหาดทรายขาวยาว 500 เมตร  ริมหาดมีต้นไม้ร่มรื่น  และเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงาม

หาดตาแหวน  เป็นหาดที่มีความสวยงาม  ทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาว 800 เมตร  น้ำใส  คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวและเครื่องเล่นทางน้ำ  เป็นจุดหลักของกรุ๊ปทัวร์ที่มาลงเล่นน้ำและกินอาหาร  ไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสงบ  ถ้าสนใจควรหาโอกาสไปเที่ยวหลัง 16.00 น.  เมื่อกรุ๊ปทัวร์เดินทางกลับหมดแล้ว

หาดทองหลาง  อยู่ต่อเนื่องกับหาดตาแหวนทางด้านทิศเหนือ  โดยมีแหลมหินคั่นอยู่  แต่ทางรถยนต์ต้องเข้าคนละเส้นทางกัน  บรรยากาศของหาดนี้มักคึกคักไปด้วยกรุ๊ปทัวร์คล้ายหาดตาแหวน  แต่เบาบางกว่า  ชายหาดมีความยาวประมาณ 500 เมตร

หาดสังวาล  เป็นชายหาดเล็กๆ  ยาวเพียง 150 เมตร  มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำใส  เหนือชายหาดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่  นับเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับคนรักสงบอย่างแท้จริง

หาดนวล  อยู่ในส่วนใต้สุดของเกาะล้าน  ตัวหาดยาวประมาณ 350 เมตร  ทรายไม่ขาวสวยเหมือนหาดอื่น  แต่เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดี  และเป็นบริเวณที่พบแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะล้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง  นิยมนำมาทำเครื่องรางพกติดตัว  เพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ

เกาะสาก-เกาะครก
  เกาะสากเป็นเกาะเล็กๆ รูปเกือกม้าอยู่ทางเหนือของเกาะล้าน  ห่างกันเพียง 600 เมตร  มีหาดทรายขาวสวยยาวประมาณ 250 เมตร  อยู่ด้านเหนือของเกาะ  สงบเงียบเป็นส่วนตัวมาก  ต้องเหมาเรือจากเกาะล้านไป  หรือเหมาจากพัทยาราคาเท่ากับไปเกาะล้าน  มีบ้านพักเปิดบริการ  แต่ต้องโทร. จองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์  นอกจากนี้ยังควรเตรียมอาหารสดและเครื่องปรุงไปด้วย  ส่วนเครื่องครัวที่บ้านพักมีให้
 สำหรับที่เกาะครกนั้นมีหาดทรายเล็กๆ  ไม่เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ  แต่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง  ซึ่งอาจไม่คุ้มกับค่าเหมาเรือไป
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปราว  7.5 กิโลเมตร 
การเดินทาง : นั่งเรือโดยสารประมาณ 45 นาที  แต่ถ้าเป็นเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที  มีเรือโดยสารออกจากท่าพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน  เที่ยวไป  ตั้งแต่เวลา 10.00-18.30 น.  เที่ยวกลับ มี 2 รอบ  เวลา 12.00 น. และ 14.00 น.  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  ที่เกาะล้านเรือจอดบริเวณท่าหน้าบ้าน  หากเดินทางต่อไปชายหาดอื่น  สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้าง  นอกจากนี้ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา  อัตราค่าเช่าประมาณ 1,500-2,000 บาท  สามารถแวะเที่ยวได้หลายหาด  แล้วแต่จะตกลงกัน
เวลาทำการ : ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

สวนนงนุช

สวนนงนุช  (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่  ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด  เช่น  สวนกล้วยไม้  เฟิน  สับปะรดสี  สวนไม้พุ่มไม้ดัด  สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก  สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ   สวนบอนไซ  สวนเฟื่องฟ้า  สวนโมก  สวนน้ำพุ   สวนหิน  สวนฝรั่ง  สวนผีเสื้อ  สวนรถไฟจำลอง  สโตนเฮนจ์  ฯลฯ  พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย  มีห้องประชุมสัมมนา  สวนสัตว์  และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง  ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว   กีฬาพื้นบ้าน  และการแสดงของช้าง

เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน  กระทั่งปี พ.ศ. 2497  คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช  ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้  แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม  โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน
ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 นาจอมเทียน  อำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร  โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท  บริเวณ กม. 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท   ชาวต่างชาติ 200 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3870-9358-61, 0-3823-81580-384-29321  โทรสาร 0-3823-8160
สำนักงานกรุงเทพฯ  โทร. 0-2252-17680-2251-2161  โทรสาร  0-2252-9975
เว็บไซต์  www.nongnoochtropicalgarden.com

ปราสาทสัจธรรม

9.  ปราสาทสัจธรรม

ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth)  ตั้งอยู่  ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์  แหลมราชเวช   ตำบลนาเกลือ  ในเนื้อที่  80 ไร่  งดงามด้วย  “สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”  ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า  “วังโบราณ”   บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า “ปราสาทไม้”  แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง  คือ  คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  (ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ)  เรียกอาคารแห่งนี้ว่า  “ปราสาทสัจธรรม”

ปราสาทสัจธรรมเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2524  จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต  มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย  หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ  ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข  สูง 100 เมตร  กว้าง 100 เมตร  แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร   ทั้งภายนอกและภายใน  กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต  สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้    สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก
ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2  หมู่ 5 แหลมราชเวช  อ่าววงพระจันทร์  ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย  มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม :  ผู้ใหญ่  500 บาท  เด็ก  250 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3836-78150-3836-72290-3822-5407
เว็บไซต์   www.sanctuaryoftruth.com